User ยินดีต้อนรับ ผู้มาเยี่ยม
   

ให้บริการเช่ารถตู้ พร้อมคนขับ สำหรับ : ท่องเที่ยว ประชุม สัมมนา ตีกอล์ฟ รับ-ส่ง แบบรายวัน วิ่งงานประจำ
บริการเช่ารถตู้เอ็นจีวี เป็นรถตู้รุ่นใหม่ รุ่น VVT-I สามารถใช้ได้ทั้งระบบก๊าซเอ็นจีวี และระบบน้ำมัน
ที่ได้รับมาตรฐานจากศูนย์เอ็นจีวีคาร์เซ็นเตอร์ ความปลอดภัยดีเยี่ยม
เป็นรถประหยัดเชื้อเพลิง เพียง กม.ละ 1 บาท เท่านั้น ภายในรถตู้กว้าง พร้อมเครื่องเสียง ทีวี แอร์เย็นฉ่ำ
จองที่พักปาย
จองที่พักปาย
โต๊ะจีนนครปฐม โต๊ะจีนดี คุณภาพอาหารเยี่ยม ไมตรีโภชนา
โต๊ะจีนนครปฐม โต๊ะจีนดี คุณภาพอาหารเยี่ยม ไมตรีโภชนา
  NewTopic NewReply
 Topic ทัวร์ฮานอย ฮาลอง ที่เวียดนามเหนือ หน้า 2
User anna (Administrator)
เป็นสมาชิกเมื่อ : 18/3/2552
โพสต์ : 83
 
Vcard 6 มิถุนายน 2553 - 14:02:42 น.  
DotE

เมื่อถึงเวลาพวกเราก็เดินทางกลับโรงแรมปรินท์ และพวกเราได้ทำการจองทัวร์วันเดียวไปฮาลอง ที่โรงแรมปรินซ์ ในวันรุ่งขึ้นกับเจ้าหน้าที่บอกกับรับว่าให้มาทานอาหารเช้าตอน 07.00 น. ส่วนรถจะมารับประมาณ 08.30 น. และตอนเย็นจะกลับมานอนที่โรงแรมปรินซ์ต่อ พวกเราจึงรีบกลับขึ้นไปพักผ่อน (นอนรวมกัน 3 คน เป็นเตียงคู่ 1 เตียง + เตียงเดี่ยว 1 เตียง)
รุ่งเช้าพวกเราหลังจากที่ตื่นนอน ก็เตรียมตัวเดินทางในวันใหม่กันเลย โดยมื้อเช้านี้มีอาหารเช้า เป็นขนมปัง + ไข่ดาว 2 ใบ กับน้ำส้ม 1 แก้ว เมื่อถึงเวลา 08.30 น. ไกด์ก็มารับพวกเราที่เคาน์เตอร์หน้าโรงแรม และพาพวกเราขึ้นรถตู้

รถตู้ที่ใช้บริการ ในฮานอย

นักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาด้วยกัน

การเดินทางไปฮาลองวันนี้ มีคณะทัวร์เป็นชาวต่างชาติ รวมทั้งหมด 10 คน ด้วยกัน (รวมพวกเราด้วยนะ) ในทริปนี้มีไกด์ 2 คนด้วยกัน เนื่องจากมีโปรแกรมทัว 2 แบบ ด้วยกัน คือเที่ยวแบบวันเดียว กับเที่ยวแบบสองวัน 1 คืน ที่ฮาลองเลย์ ไกด์ที่นำเที่ยววันเดย์ทริปชื่อว่า โทนี่ ไกด์ที่นำเที่ยวแบบ 2 วัน 1 คืน ชื่อคัง (คนนี้พูดภาษาไทยได้ด้วย สบายหละ) ระหว่างทางไกด์โทนี่แนะนำข้อมูลเกี่ยวกับประเทศเวียดนาม ในช่วงสมัยสงคราโลกเมื่อตอนที่ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา เข้าบุกรุก (แต่พูดเป็นภาษาอังกฤ ล้วน ๆ ผมแปลไม่ทัน เพียงแต่ให้ป้อมปี่ และยูมิโกะแปลแให้ฟัง เนื่องจาก 2 คนนี้ จบป.โท และป.เอก ภาษาอังกฤษมา) ส่วนไกด์คังเห็นผมไม่เข้าใจเลยอธิบายเป็นภาษาไทยให้ผมได้ฟังสบายเลยครานี้ ไกด์โทนี่บอกว่า จากเมืองฮานอย มาฮาลอง เป็นระยะทางประมาณร้อยกว่ากิโล ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เนื่องจากถูกจำกัดความเร็ว และมีรถบนท้องถนนสัญจรอย่างไม่เป็นระเบียบจึงใช้เวลามาก ระหว่างทางรถจะแวะให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเลือกซื้อสินค้า ของที่ระลึก อาทิเช่น เพชร ผ้าไหมทอมือ เครื่องดื่ม อาหาร และให้ทำธุระส่วนตัวด้วย เนื่องจากห้องน้ำที่นี่สะอาด ประมาณ 20 นาที ก็ออกเดินทางต่อ

ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ระหว่างเดินทางจากเมืองฮานอย ไปเมืองฮาลอง

ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ระหว่างเดินทางจากเมืองฮานอย ไปเมืองฮาลอง

อาหารแห้ง ที่ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ระหว่างเดินทางจากเมืองฮานอย ไปเมืองฮาลอง

จำหน่ายเพชรา พลอย ที่ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ระหว่างเดินทางจากเมืองฮานอย ไปเมืองฮาลอง

การปักผ้าจากมือ ที่ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ระหว่างเดินทางจากเมืองฮานอย ไปเมืองฮาลอง

พวกเราเดินทางถึงท่าเรือที่จะล่องไปฮาลอง ประมาณ 12.00 น. แต่ยังไม่ได้ลงเรือกว่าจะได้ลงเรือก็ปาเข้าไป 1 ชั่วโมง โดยไกด์โทนี่บอกว่ามีปัญหากับทางตำรวจ (น่าจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ประมาณนั้น) แต่พวกเราก็ได้ลงเรือตอนเวลา 13.00 น. ไกด์โทนี่แจกตั๋วเข้าชมอ่าวฮาลองเลย์ พร้อมกับเที่ยวชมถ้ำสวรรค์ อีก 1 ถ้ำ ในราคาตั๋วใบละ 40,000 ดอง ยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจก่อนเข้าท่าเทียบเรือ (ตั๋วนี้ห้ามทิ้ง เพราะก่อนเข้าถ้ำสวรรค์ก็ต้องใช้ตั๋วนี้ยื่นก่อนเข้าถ้ำ)

ท่าเรือฮาลอง

ท่าเรือฮาลอง

ตั๋วเรือข้ามไปอ่าวฮาลอง

ท่าเทียบเรือนำเที่ยวฮาลอง

เตรียมเดินทางขึ้นเรือนำเที่ยว ที่ท่าเรือฮาลอง

เมื่อเรือมาเทียบท่าเรือ ก็บอกได้เลยว่าตื่นเต้น เพราะเรือนำเที่ยวที่เห็นเป็นเรือไม้ขนาดใหญ่ ดูดี มองไปเห็นโต๊ะจัดอยู่ด้านในเรืออย่างสวยงาม และเป็๋นระเบียบ ดูหรูหรา น่าเข้าไปสัมผัสยิ่งนัก เมื่อเท้าข้างขวาสัมผัสแตะกับพื้นเรือ พนักงานต้อนรับก็นำผ้าเย็นม้วนอย่างดีมาบริการคนละ 1 ผืน พร้อมกับบริการน้ำส้มคนละ 1 แก้ว จากนั้นไม่นาน ไกด์โทนี่ก็ให้ข้อมูลการนำเที่ยวในวันนี้ และจ่ายกุญแจห้องให้กับนักท่องเที่ยวที่ซื้อโปแกรม 2 วัน 1 คืน หลังจากไกด์โทนี่ให้ข้อมูลเสร็จ นักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มก็เข้าสำรวจห้อง และมานั่งรับประทานอาหารด้วยกัน อาหารจะประกอบไปด้วย ผัดผัก ไข่เจียว ปลาสามรส เต้าหู้อ่อนผัด และผลไม้ (ฟรีครับสำหรับอาหาร แต่เครื่องดื่มต้องจ่ายเอง) มื้อนี้ไม่ถ่ายรูปให้ดูครับเขินนิดหน่อย เพราะต้องนั่งร่วมกับนักท่องเที่ยวท่านอื่นกลุ่มประมาณ 10 ท่าน เลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้

เรือนำเที่ยวมาเทียบรอที่ท่าเรือฮาลอง

ลงเรือนำเที่ยวแล้ว

ไกด์คัง ให้ข้อมูลในการเที่ยวชมอ่าวฮาลอง

ทางขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือนำเที่ยว

โต๊ะอาหาร ในเรือนำเที่ยว

หลังจากอาหารมื้อเที่ยงพวกเรากขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือ ซึ่งด้านบนจะมีเตียงนอนสำหรับอาบแดด ประมาณ 8 เตียง และเก้าอี้สำหรับอ่านหนังสือ ประมาณ 6 ตัว ข้างบนบรรยากาศดีกมาก เพราะสามารถมองเห็นวิวทะเลที่มีเกาะแก่งได้กว้างไกล มองเห็นเรือนำเที่ยวจำนวนหลายร้อยลำแล่นอยู่ในท้องทะเลบนผืนน้ำสีเขียวใสมองแล้วสบายตา บวกกับลมเย็น ๆ พัดมากระทบกับผิวกายทำให้ความรู้สึกสดชื่นยิ่งนัก และสัมผัสการดำเนินชีวิตของชาวเวียดนามบางกลุ่มที่ประกอบอาชีพในท้องทะเล (เช่นพายเรือขายของให้กับนักท่องเที่ยวในทะเล เลี้ยงสัตว์ทะเล บริการเรือเร็วข้ามฟากเป็นต้น) เรือใช้เวลาแล่นมาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็ถึงฮาลองเบย์ อ่าวฮาลอง


บนดาดฟ้าเรือนำเที่ยว ที่ฮาลอง

เรือนำเที่ยวที่อ่าวฮาลอง

บรรยากาศขณะล่องเรือ

เทือกเขาหินปูนในทะเลสาบ

อ่าวฮาลอง

อ่าวที่สวยงามมาก เนื่องจากมีภูเขาล้อมรอบ มีมองเห็นวิวทิวทัศน์ของภูเขา ที่อยู่เบื้องหน้า และที่อ่าวฮาลอง มีถ้ำแห่งหนึ่งที่สวยงามมากชื่อว่า เด่าโก๋ (Dao Go) หรือ ภาษาไทยก็คือ ถ้ำสวรรค์ เป็นถ้ำที่มีชื่อเสียงของประเทศเวียดนาม เพราะภายในถ้ำใหญ่มาก มีอากาศเย็นสบาย ภายในมีหินงอกหินย้อยสวยงาม และที่สำคัญในถ้ำมีหินงอกที่มีลักษณะคล้ายเต่าศักดิ์สิทธิ์ของชาวเวียดนาม และบนบริเวณปากถ้ำเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของอ่าวฮาลอง จึงทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมถ้ำแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย


อ่าวฮาลอง

จุดชมวิวอ่าวฮาลอง

จุดชมวิวอ่าวฮาลอง

ถ้ำสวรรค์ อเมซิ่งเวียดนาม

เมื่อพวกเราลงเรือ ไกด์โทนี่ก็ให้รวมกลุ่มและเดินขื้นบันไดไปปากถ้ำ และให้ถ่ายรูป ณ จุดชมวิวอ่าวฮาลองก่อน จากนั้นก็พาเข้าไปในถ้ำ พร้อมอธิบายและนำเที่ยว พวกเราใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมงกว่า ๆ ก็ออกจากถ้ำ และลงเรือ


ท่าเรือไปชมถ้ำสวรรค์

ไกด์บรรยาข้อมูลถ้ำสวรรค์

หินงอกหินย้อนภายในถ้ำสวรรค์

ภายในถ้ำสวรรค์ กว้างขวาง ใหญ่ อากาศเย็นสบาย

ปากถ้ำสวรรค์

หินงอกถ้ำสวรรค์

ภายในถ้ำสวรรค์

หินงอกที่มีรูปเหมือนเต่าศักดิ์สิทธิ์

เที่ยวชมถ้ำสวรรค์

พวกเราแยกตัวกลับจากกลุ่มใหญ่ โดยมีเรือเร็วขนาดเล็กมารับพวกเรา 3 คน และมีเพื่ออีกกลุ่ม ประมาณ 2 คนที่มาแบบเที่ยววันเดียว เดินทางกลับด้วยเรือเร็วขนาดเล็ก ใช้เวลาจากอ่าวฮาลอง มายังท่าเทียบเรือฮาลอง ประมาณ 20 นาที ไกด์ แต่ขากลับพวกเราไม่ได้กลับรถตู้ ต้องกลับรถประจำทางแทน ในส่วนนี้ไกด์โทนี่แจ้งกับพวกเราแล้วในตอนเดินทางมา พวกเราไม่มีปัญหาครับ กลับชอบซะอีกเพราะพวกเราลุย ๆ กันอยู่แล้ว ไกด์โทนี่เรียกแท็กซี่ที่เป็นแบบ 5 ที่นั่ง ให้ไปส่งที่สถานีขนส่งเวียดนามอีกด้านหนึ่ง (ไม่รู้ว่าชื่ออะไรอ่านไม่ออก) จากนั้นก็รอรถประมาณ 10 นาที รถโดยสารปรับอากาศก็มาจอด ไกด์โทนี่เดินขึ้นไปสำรวจที่นั่ง และความเย็นบนรถปรับอากาศ จากนั้นก็เรียกพวกเราขึ้นรถโดยสารปรับอากาศ ที่นั่งก็เป็นแบบรถโดยสารปรับอากาศทั่วไปเหมือนบ้านเรา แอร์เย็น แต่ที่ไม่เหมือนอย่างเดียวคือ รถโดยสารปรับอากาศเวียดนามแจกน้ำเปล่าคนละ 1 ขวดด้วย (กำลังหิวพอดี) ยูมิโกะนั่งด้านหลังกับป้อมปี่ ส่วนผมนั่งติดหน้าต่างคนเดียว เพราะอยากได้สัมผัสกับรูปแบบและวิถีการดำเนินชีวิตของชาวเวียดนาม ตลอดเส้นทางที่ผมได้เห็นสังเกตุได้ว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ จะใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ฟุ้มเฟ้อ บ้านแต่ละหลังเปิดไฟเต็มที่ก็มีแค่ 1 ดวงเท่านั้น (ตามชนบท) พวกเราใช้เวลาประมาณ 3.5 ชั่วโมงในการเดินทางด้วยรถโดยสารปรับอากาศ มาถึงสถานีขนส่งที่ฮานอย ประมาณ 20.30 น. เผอิญฝนตกหนัก ก็เลยทำให้เปียก และเสียเวลานิดหน่อย เมื่อฝนซาไกด์โทนี่ก็เรียกแท็กซี่ ให้มารับพวกเราไปส่งโรงแรมปรินซ์ ก่อนกลับไกด์โทนี่ให้แบบสอบถามความพึงพอใจในการให้บริการ ซึ่งในแต่ละข้อบอกได้เลยว่าไกด์โทนี่บริการดีทุกข้อ จากนั้นไกด์โทนี่กล่าวคำอำลาและจากไป

การจราจรในเวียดนาม

ร้านค้าที่ตั้งอยู่ริมถนนที่ฮานอย

ร้านค้าที่ตั้งอยู่ริมถนนที่ฮานอย

ร้านค้าที่ตั้งอยู่ริมถนนที่ฮานอย

พรุ่งนี้พวกเราต้องเดินทางกลับแล้ว ก็เลยทำการจองตั๋วเครื่องบินจากเมืองฮานอยไปเวียงจัน (สนามบินวัดไต) กับทางโรงแรมปรินซ์ ในราคาคนละ 135 ดอลล่า (รวมทุกอย่างแล้วพร้อมแท็กสนามบิน) พร้อมกับค่าแท็กซี่ 10 ดอลล่า เที่ยวบิน 16.30 น. พวกเราจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน + ค่าแท็กซี่ กะว่าช่วงช่วงเช้าจะไปเที่ยวที่ทะเลสาบคืนดาบ ชมสะพานแดง สุสานลุงโฮ วัดเจดีย์เสาเดียว วัดหง๊อกเซิน เจดีย์เสาเดียว แต่คืนนี้ต้องขอตัวไปหม่ำม่าม่าก่อน เพราะเช้ามีภาระกิจรอยู่
รุ่งเช้า ฝนตกตั้งแต่เวลา 07.00 น. พวกเราจึงลมามาทานอาหารเช้า และรับตั๋วเที่ยวบินจากฮานอยไปเวียงจัน ผม ป้อมปี่ ยูมิโกะ เลยไม่ได้ออกไปไหนเลย กะว่าบ่ายโมงจะเรียกให้แท็กซี่มารับไปสนามบินฮานอย เพื่อตี๋ตั๋วรอเดินทางกลับไปเมืองเวียงจัน เอาไว้มาคราวหน้าจะถ่ายภาพมาฝากใหม่ครับ
ระหว่างทางพวกเราขอให้รถแท็กซี่แวะทานอาหารกลางวันที่ร้านแห่งหนึ่งในเมืองฮานอย ชื่อร้าน ทูไห่ ซึ่งเป็นร้านที่แท็กซี่แนะนำว่าอาหารสะอาด อร่อย

ป้ายร้านอาหารทูไห่

บรรยากาศภายในร้านทูไห่ ในฮานอย

อาหารที่สั่งมาในมื้อเที่ยง ที่ร้านอาหารทูไห่

จากนั้นจึงแวะไปชิมกาแฟโบราณของเวียดนาม ภาษาเวียดนามเรียกแฟซิดไหม แก้วหนึ่งราคาจะอยู่ที่ 45,000 ดอง ที่ร้านแห่งหนึ่งในเมืองเวียดนาม (โทษทีครับจำชื่อร้านไม่ได้) กาแฟที่นำมาเสริฟมีแก้วกาแฟรองอยู่ด้านล่าง ส่วนบนแก้วมีแก้วอลูมิเนียม 1 ใบ สำหรับกรองเมล็ดกาแฟจากน้ำ กาแฟจะหยดลงมาจากแก้วด้านบนทีละหยด กาแฟที่ได้จึงหอม เข็มข้น ได้ใจจริง ๆ ครับ จากนั้นก็ออกเดินทางต่อ

กาแฟโบราณเวียดนาม หอมตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดแก้ว

แก้วใบล่างจะเป็นมีน้ำกาแฟไหลมา ส่วนด้านบนจะเก็บกากกาแฟไว้

กาแฟเข้มข้นมาก

กากกาแฟ

พวกเราใช้เวลาเดินทางจากโรงแรมปรินท์มาสนามบินฮานอยมาประมาณชั่วโมงครึ่ง (จากโรงแรมปรินท์ห่างจากสนามบินประมาณ 45 กิโลเมตร) ก็ถึงสนามบิน ช่วงบ่าย 3 โมง พวกเราทำเรื่องและเดินทางจากฮานอยมาถึงเมืองเวียงจัน โดยใช้เวลาประมาณ 1.20ชั่วโมง ก็มาถึงท่าอากาศยานวัดไต ในการเดินทางจากสนามบินวัดไตไปด่านตรวจคนเข้าเมืองลาวไทย เราได้ติดต่อให้เพื่อนที่อยู่ในเวียงจันมารับแล้วก็เลยไม่กังวล พวกเราทำเรื่องออกประเทศลาว และทำเรื่องผ่านด่านเข้าประเทศไทย จากนั้นก็มองหาร้านอาหารซักหนึ่งร้านเติมพลังในช่วงเย็นก่อนเดินทางกลับถึง จ.นครปฐมในรุ่งเช้า

ในการเดินทางครั้งต่อไปสำหรับมาเยือนเวียดนาม พวกเรากะว่าจะไปดูหิมะที่ซาปาช่วงปีใหม่ แล้วเอาไว้พบกันใหม่ในการเดินทางครั้งต่อไปครับ จากทีมงาน
annaontour.com

หมายเหตุ
1. การเดินทางในครั้งนี้ แนะนำว่า ถ้าแม่นภาษาอังกฤษ หรือเวียดนาม จะติดต่อสื่อสาร และเดินทางลำบาก เพราะประชาชนเวียดนามส่วนใหญ่ ตามชนบททั่วไปจะรู้แต่ภาษาเวียดนาม
2. อาหารสำหรับคนกินยาก ควรเตรียมอาหารกระป๋อง ไปเผื่อบ้างก็ดี
3. เงินที่ใช้จะรับเงินดอลล่า และเงินดอง เป็นหลัก (เงินส่วนใหญ่ใช้ไม่ได้ครับ) ควรเตรียมเงินและคำนวณค่าใช้จ่ายไว้ด้วยครับ
4. แนะนำถ้าอยากเที่ยวจริง ไปกับทัวร์ดีกว่าสบายกว่าเยอะ
แนะนำทัว เวียดนามให้ครับ คลิ๊กไปดูข้อมูลตามเว็บนี้ครับ ทัวร์เวียดนาม.net

<<กลับหน้าแรก>>

DotE
LastUpdate ปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2553 - 14:57:40 น.
 
Information ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของระบบไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม กรุณาแจ้งที่ Email annop_nanya@hotmail.com เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป
 
Copyright © 2009 www.annaontour.com. All rights reserved.
Untitled Document
สถิติผู้เข้าชม ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 3 ราย