User ยินดีต้อนรับ ผู้มาเยี่ยม
   

ให้บริการเช่ารถตู้ พร้อมคนขับ สำหรับ : ท่องเที่ยว ประชุม สัมมนา ตีกอล์ฟ รับ-ส่ง แบบรายวัน วิ่งงานประจำ
บริการเช่ารถตู้เอ็นจีวี เป็นรถตู้รุ่นใหม่ รุ่น VVT-I สามารถใช้ได้ทั้งระบบก๊าซเอ็นจีวี และระบบน้ำมัน
ที่ได้รับมาตรฐานจากศูนย์เอ็นจีวีคาร์เซ็นเตอร์ ความปลอดภัยดีเยี่ยม
เป็นรถประหยัดเชื้อเพลิง เพียง กม.ละ 1 บาท เท่านั้น ภายในรถตู้กว้าง พร้อมเครื่องเสียง ทีวี แอร์เย็นฉ่ำ
จองที่พักปาย
จองที่พักปาย
โต๊ะจีนนครปฐม โต๊ะจีนดี คุณภาพอาหารเยี่ยม ไมตรีโภชนา
โต๊ะจีนนครปฐม โต๊ะจีนดี คุณภาพอาหารเยี่ยม ไมตรีโภชนา
  NewTopic NewReply
 Topic ทัวร์ลาว เข้าทางด่านห้วยโก๋น ผ่านเมืองหงสา ผ่านเมืองไชยยะบุรี ไปพักที่หลวงพระบาง
User anna (Administrator)
เป็นสมาชิกเมื่อ : 18/3/2552
โพสต์ : 83
 
Vcard 4 มิถุนายน 2552 - 20:27:40 น.  
DotE
กรุงเทพฯ หนองคาย เวียงจันทร์ วังเวียง หลวงพระบาง 4 วัน 5 คืน ท่านละ 7,900 บาท

ทัวร์ลาว เข้าทางด่านห้วยโก๋น ผ่านเมืองหงสา ผ่านเมืองไชยยะบุรี แล้วไปพักที่หลวงพระบาง

เมื่อดำเนินการเอกสารเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางทันที ซึ่งเส้นทางที่รถยนต์ของพวกเราแล่นไป เป็นถนนลูกรังอัดแน่นขับไปได้ประมาณ 33 กม. ก็ถึงเมืองหงสา (หัวแดงกันเป็นแถบ ๆ) พวกเราแวะเข้าห้องน้ำและถ่ายรูปวิถีการดำเนินชีวิตของประชาชนลาวที่เมืองหงสา ที่เมืองหงสานี้เป็นจุดที่สามารถเดินทางต่อไปยังท่าเรือป่าห้วยแคน เพื่อล่องเรือไปยังหลวงพระบางได้ โดยใช้ระยะเวลาในการล่องเรือประมาณ 7 ชม. แต่รถยนต์ยังไม่สามารถนำข้ามไปได้





จากนั้นพวกเราจึงออกเดินทางต่อขับมาได้ไม่ไกลถนนส่วนใหญ่กำลังถูกสร้างใหม่ โดยเป็นดินลูกรังตลอดทั้งเส้นแต่ที่สำคัญเป็นหลุมเป็นบ่อตลอด จึงทำให้การเดินทางเริ่มช้าลง โดยบางช่วงของเส้นทางการเดินทางพวกเราต้องลงจากรถ เพื่อให้รถยนต์สามารถแล่นไปได้ และพวกเราก็ได้มีโอกาสถามชาวบ้านบริเวณนั้นว่าเมื่อไรจะแล้วเสร็จ คำตอบที่ได้ก็ประมาณ 3 ปี แต่ตอนนี้กำลังเริ่มทำทางใหม่อยู่ เวลาปาเข้าไปเกือบบ่ายโมงพวกเราก็ต้องแวะทานข้าวกลางวันกันข้างทาง เนื่องจากว่าเส้นทางที่เราเดินทางร้านค้าต่าง ๆ หาได้ยาก









พวกเราเดินทางจากเมืองหงสา ถึงเมืองไชยยะบุรี ก็ค่อนข้างไกลและล่าช้า จนเวลาปาเข้าไปเกือบ 6 โมงเย็น พวกเราต้องรีบเดินทางไปถึงบั๊กให้ทันก่อน 6 โมงเย็น (บั๊ก ก็คือ ท่าเรือแพขนานยนต์) ไม่งั้นพวกเราจะข้ามเรือขนานยนต์ไม่ทัน ซึ่งเที่ยวสุดท้ายหมดเวลาประมาณ 6 โมงเย็น และท่าเรืออยู่ห่างจากเมืองไชยยะบุรีประมาณ 30 กิโลเมตร เมื่อพวกเรามาถึงเมืองไชยยะบุรี พวกเราก็มุ่งหน้าไปยังบ้านท่าเดื่อ และรีบมุ่งหน้าไปที่บั๊กทันที โชคดีที่เรามาทันเที่ยวเรือเที่ยวสุดท้ายพอดี เนื่องจากมีรถบัสอยู่ 1 คัน ยังไม่สามารถขึ้นไปได้ แต่เมื่อรถบัสขึ้นได้แล้ว เรือขนานยนต์ก็นำรถยนต์ทุกคันมาจอดฝั่งตรงข้าม โดยใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที โดยเสียค่าข้ามเรือขนานยนต์ประมาณ 120 บาท พวกเราก็เดินทางต่อได้แล้ว



พวกเรามุ่งหน้าไปยังเมืองเชียงเงิน โดยเงินระยะทางการเดินทางอีก 63 กม. จากเมืองเชียงเงินให้เดินทางต่ออีกประมาณ 25 กม. จึงจะถึงเมืองหลวงพระบาง เมื่อพวกเราไปถึงเมืองหลวงพระบางพวกเราก็เข้าพักที่โรงแรมบ้านผานม ซึ่งราคาวอล์คอินจะอยู่ที่คืนละ 1,200 บาท จากนั้นพวกเราก็ออกมาช็อปปิ้งที่ถนนคนเดินเมืองหลวงพระบาง ก่อนที่จะเดินทางไปพักผ่อนโรงแรมบ้านผานม เพื่อเตรียมมุ่งหน้าเดินทางไปสำรวจเมืองงอยในวันรุ่งขึ้น




รุ่งเช้าพวกเราเช็คเอ้าท์แล้วออกเดินทางไปดื่มกาแฟที่ร้านกาแฟประชานิยม เพื่อชิมกาแฟโบราณแก้วละ 10 บาท แห่งเมืองหลวงพระบางก่อนที่จะเดินทางไปยังเมืองงอยต่อ





เมืองงอยห่างจากเมืองหลวงพระบางประมาณ 150 กม. โดยใช้เส้นทางหมายเลข 13 เหนือ ผ่านสามแยกปากมองแล้วเลี้ยวขวามา 40 กม. ก็จะพบเมืองงอยใหม่ (หนองเขียว) มีแม่น้ำอูไหลผ่าน




พวกเรามาถึงเมืองงอยก็เกือบเที่ยงเข้าไปแล้ว จึงแวะทานข้าวที่ร้านอาหารซีที ติดริมแม่น้ำอู ที่ร้านอาหารซีทียังมีบริการเกสเฮ้าส์สำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย หลังจากอิ่มกับอาหารมื้อกลางวัน




กลางวัน พวกเราจึงเดินเที่ยวบริเวณเมืองงอยใหม่ ส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็นนักท่องเที่ยวแถวยุโรป และที่สำคัญนักท่องเที่ยวเหล่านี้จะล่องเรือชมแม่น้ำอู แล้วไปพักที่เมืองงอยเก่า พวกเราเห็นความสวยงามของแม่น้ำอูแล้ว จึงอยากล่องเรือดูบ้าง จึงไปสอบราคาเรือนำเที่ยวเมืองงอยเก่า และบ้านสบแจ่ม ต่อรองราคาไปมาแล้วได้ราคาอยู่ที่ 650,000 กลีบ (ประมาณ 2,500 บาท) คนขับบอกว่าราคานี้ถูกแล้ว เพราะราคาน้ำมันที่ลาวแพง พวกเราไม่ว่าอะไรครับเพราะพวกเรามีอยู่ 10 คน หารเฉลี่ยแล้วประมาณ 250 บาทไทย พวกเรารีบลงเรือทันที เพื่อที่จะไปชมบรรยากาศสองริมฝั่งแม่น้ำอูทันที พวกเราล่องเรือชมธรรมชาติสองข้างฝั่งแม่น้ำอู ก็ได้พบกับวิถีชีวิการดำรงชีวิตของชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่จะทำอาชีพการเกษตร บริเวณริมหมู่บ้าน ก็จะพบเด็กเล็ก ๆ เป็นจำนวนมาก แก้ผ้าเล่นน้ำกันเป็นกลุ่ม ๆ





พวกเราล่องแม่น้ำอูมาด้วยความเพลิดเพลินบางช่วงก็เป็นเกาะแก่ง ต้องอาศัยความชำนาญของคนขับเรือ ทำให้พวกเราสนุกกับการล่องเรือมาเป็นเวลา 2 ชม. เต็ม ก็มาถึงบ้านสบแจ่ม คนขับเรือจอดเรือแล้วชี้นิ้วไปที่เนินเขาเล็ก ๆ ด้านหน้าบอกว่าเป็นทางไปบ้านสบแจ่ม ส่วนคนขับเรือจะนำเรือไปจอดรออีกฟากหนึ่งของบ้านสบแจ่ม พวกเราเดินทางทางที่คนขับเรือบอกพอขึ้นเนินมาได้ก็พบกับหมู่บ้านสบแจ่ม เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ แต่ละบ้านจะมีสินค้าจำหน่าย ได้แก่ ผ้าไหมทอมือ กระเป๋าจากผ้าไหม พืชผลทางการเกษตร แต่อาชีพหลักของชาวสบแจ่ม จะประกอบอาชีพทำการเกษตร และทำการประมงน้ำจืด ภายในหมู่บ้านยังมีร้านค้า และโรงเรียนเล็ก ๆ อยู่ด้านหลังหมู่บ้าน พวกเราเที่ยวชมหมู่บ้านสบแจ่ม และซื้อของที่ระลึก จากนั้นจึงลงเรือเพื่อย้อนกลับไปยังเมืองงอยเก่า









พวกเราออกจากเมืองงอย แล้วขับรถมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงน้ำทา โดยต้องผ่านเมืองอุดมไซ และที่นี่จะเป็นที่ที่พวกเราต้องแวะเติมน้ำมัน และรับประทานอาหารเย็น พวกเรามาถึงเมืองอุดมไซก็มืดแล้วเวลาปาเข้าไปเกือบ 2 ทุ่ม พวกเราแวะรับประทานอาหารที่เมืองนี้ บรรยากาศที่เมืองอุดมไซ เป็นเมืองที่ค่อนข้างเจริญแล้ว เมื่อเทียบกับเมืองอื่น ๆ ในประเทศลาว เพราะอยู่ติดกับเขตแดนประเทศจีน จึงทำให้มีสินค้า ชื่อร้านที่มีระหว่าลาว และจีน เมื่อทานอาหารอิ่มพวกเราจึงออกเดินทางต่อ
เมื่อมาถึงก็เห็นความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเข้าไปถึงก็พบกับร้านอาหารมากมายติดริมแม่น้ำอู และที่สำคัญบริเวณเมืองงอยเก่าส่วนใหญ่จะเป็นเกสเฮ้าเกือบทั้งหมดแล้ว ส่วนใหญ่จะมีแต่นักท่องเที่ยวชาวยุโรปเต็มไปหมด ผมคิดในใจทันทีว่าขนาดถนนยังตัดมาไม่ถึงความเจริญยังเข้ามาขนาดนี้ ถ้าหากถนนมาถึงจะขนาดไหนเนี่ยะ พวกเราเที่ยวชมกันซักครู่จึงเดินมาลง แต่ก่อนจะลงเรือพวกเราก็ได้เห็นเด็ก ๆ ชาวลาวเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน และสิ่งที่ตื่นตาพวกเราก็ คือ ชาวต่างชาติหลายคนต่างก็นอนอาบแดดบริเวณริมแม่น้ำอู เพราะริมแม่น้ำอูส่วนใหญ่เป็นหาดทรายตลอดสองฝั่ง จากนั้นพวกเราจึงล่องเรือกลับไปยังเมืองงอยเก่า แล้วจัดเก็บสัมภาระเตรียมเดินทางต่อไปยังหลวงน้ำทาเพื่อหาที่พัก










พวกเราออกจากเมืองงอย แล้วขับรถมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงน้ำทา โดยต้องผ่านเมืองอุดมไซ และที่นี่จะเป็นที่ที่พวกเราต้องแวะเติมน้ำมัน และรับประทานอาหารเย็น พวกเรามาถึงเมืองอุดมไซก็มืดแล้วเวลาปาเข้าไปเกือบ 2 ทุ่ม พวกเราแวะรับประทานอาหารที่เมืองนี้ บรรยากาศที่เมืองอุดมไซ เป็นเมืองที่ค่อนข้างเจริญแล้ว เมื่อเทียบกับเมืองอื่น ๆ ในประเทศลาว เพราะอยู่ติดกับเขตแดนประเทศจีน จึงทำให้มีสินค้า ชื่อร้านที่มีระหว่าลาว และจีน เมื่อทานอาหารอิ่มพวกเราจึงออกเดินทางต่อ






พวกเรามาถึงเมืองหลวงน้ำทาประมาณ 4 ทุ่ม และได้เช็คอินทร์ที่โรงแรมดอกจำปา ซึ่งเป็นโรงแรมที่ไม่แพงและสะอาดโรงแรมหนึ่งเลยทีเดียว




รุ่งเช้าพวกเราตื่นแต่เช้า พร้อมกับเช็คเอ้าท์ตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อที่จะไปเที่ยวชมตลาดเช้าที่หลวงน้ำทา ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมประมาณ 800 เมตร เมื่อมาถึงพวกเราเดินแยกย้ายกันชมตลาด ผมหยิบกล้องคู่ใจเก็บภาพบรรยากาศตลาดเช้าที่มีชาวบ้านนำผัก ผลไม้ และสัตว์ป่า มาจำหน่าย เช่น นกเค้าแมว ไก่ป่า กระจง เนื้อเก้ง ฯ










พวกเดินชมตลาดกันจนเพลินท้องก็เริ่มร้อง จึงพากันไปทานอาหารเช้าที่ร้านค้าในตลาด พวกเราดูร้านค้าที่สะอาดและมีป้ายบอกราคาติด เพื่อที่จะได้จำกัดงบประมาณได้ถูกต้อง เพื่อน ๆ ในกลุ่ม สั่ง เฝอ และ ข้าวซอยมาทาน เมื่ออิ่มแล้วก็เดินทางต่อครับ



<<กลับไปอ่านหน้า 1>> <<อ่านต่อหน้า 3>>
DotE
LastUpdate ปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2553 - 09:31:13 น.
 
Information ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของระบบไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม กรุณาแจ้งที่ Email annop_nanya@hotmail.com เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป
 
Copyright © 2009 www.annaontour.com. All rights reserved.
Untitled Document
สถิติผู้เข้าชม ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 6 ราย