ทัวร์สิมิลัน 6,600 บาท เกาะสิมิลัน เกาะเมี่ยง อ่าวไฟแว๊บ ดำน้ำ ชมปะการัง
สวย ใส ที่สิมิลัน สวรรค์บนดิน
มีคนเคยบอกผมว่าสิมิลัน เหมือนสวรรค์บนดิน ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ผมก็คนหนึ่งที่อยากจะได้สัมผัสกับคำว่าสวรรค์บนดิน และยิ่งไปกว่านั้น สวรรค์ก็อยู่ในเมืองไทยซะด้วย มันจึงทำให้ผมและเพื่อน ๆ ไม่พลาดจะได้เข้าไปสัมผัสกับอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน สวรรค์บนดิน

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ซึ่งได้รับการยกย่องจากนิตยสารสกินไดวิ่ง ของอเมริกาว่า เป็นหมู่เกาะที่มีความสวยงามทั้งบนบกและใต้น้ำ ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก และยิ่งไปกว่านั้นสิมิลันยังเป็นแหล่งดำน้ำชมปะการังที่ติดอันดับความสวยงามต้น ๆ ของโลก
ในวันที่ผมกำลังหมกมุ่นอยู่กับการทำงาน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อมองเห็นเบอร์โทรศัพท์ก็รู้ว่าป้อมปี่ติดต่อเข้ามา (งานเข้า) เสียงป้อมปี่เอ่ยขึ้นมา ป้อมปี่บอกกับผมว่ามีสมาชิกประมาณ 5 คน (ลูกทัวร์ที่ต้องการเดินทางไปกับเรา) และเพื่อนในกลุ่มประมาณ 2 คน (ทีมงาน annaontour.com) จะเดินทางไปสำรวจอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันกัน ผมก็เป็นตัวเลือกหนึ่งของป้อมปี่ จึงตอบรับคำทันที

ผมจองตั๋วเดินทางไปยังทับละมุ กับ บ.ภูเก็ตเซ็นทรัลทัวร์ จำนวน 9 ที่นั่ง (หรือจะจองกับ บ.บขส.ก็ได้ ราคาเท่ากัน) เป็นรถทัวร์แบบวีไอพี 24 ที่นั่ง จากสายใต้ใหม่ ที่จะออกเดินทาง ตอน 19.30 ด้วย ราคาที่นั่งละ 815 บาท (จองไว้กันพลาด กลัวรถเต็ม) พวกเรานัดเจอกันที่สถานขนส่งสายใต้ใหม่ ตอนเที่ยง (รอตั๋วรถตอนบ่ายก่อน จากนั้นก็หาเสบียงตุนไว้ก่อน) เมื่อถึงเวลา 19.30 พวกเราก็ขึ้รถและเดินทางพร้อมกับสมาชิกท่านอื่น ๆ รถทัวร์ VIP เป็นรถปรับเบาะเอนนอน สามแถว นั่ง-นอนสบาย แอร์บัส ก็เสริฟขนม ซาลาเปา นม น้ำส้ม น้ำปล่าว (กินไม่หมดหรอกเก็บใส่กระเป๋าไว้เป็นเสบียง) ผมพยายามข่มตานอนก็ได้แค่หลับ ๆ ตื่น ๆ (ก็คนมันตื่นเต้นที่จะไปเที่ยว เลยนอนไม่ค่อยหลับ) แต่มารู้ตัวตอนเกือบถึงสามแยกทับละมุ ประมาณ 7.30 น. แล้วพวกเราก็ลงที่สามแยกทับละมุ ก่อนถึงสามแยกทับละมุป้อมปี่ได้ติดต่อกับ บ.ทับละมุอันดามันทัวร์(กำนันเปิล เป็นผู้ดูแล) ให้นำรถมารอรับที่สามแยกทับละมุนี้แล้ว ซึ่งก่อนที่เราจะเดินทางมาที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันนี้ ป้อมปี่ได้จองทัวร์กับ บ.ทับละมุอันดามันทัวร์ ในราคาคนละ 4,500 บาท แพ็คเกจ 3 วัน 2 คืน โดยครั้งนี้ผมกับป้อมปี่ได้รับการอนุเคราะห์จากกำนันเปิล(ไม่ต้องจ่ายค่าแพ็คเกจทัวร์) จึงทำให้ลดค่าใช้จ่ายไป 2 คน (ถ้าไม่ฟรี คงมีตังค์ไม่พอมาแน่เลย) รถยนต์ บ.ทับละมุอันดามันทัวร์ พาเรามายังท่าเรือของบริษัท และบริการเครื่องดื่มชา กาแฟ ให้แก่พวกเรา จากนั้นพวกเรานำสัมภาระลงเรือสปีดโบ๊ท (เป็นเรือสปีดโบ๊ท 4 เครื่องยนต์ บรรทุกผู้โดยสารได้ จำนวน 50 ที่นั่ง) และรอสมาชิกรายอื่น ๆ ที่มาลงเรือพร้อมเรา เมื่อครบจำนวน เรือสปีดโบ๊ทจึงออกจากท่าเรือทับละมุ

ระหว่างอยู่บนเรือพวกเราก็นั่งชมวิว สัมผัสกับคลื่น กลิ่นไอของทะเล และเก็บภาพสมาชิก+วิว กันอย่างเพลิดเพลิน

เราใช้เวลาอยู่ในเรือประมาณ 1.30 ชม. ก็มาถึงเกาะ 7 (เกาะบางู) เจ้าหน้าที่ บ.ทับละมุอันดามันทัวร์ ได้แนะนำวิธีการใช้สน๊อกเกิลในการดำน้ำ พร้อมกับแจกสน๊อกเกิลและชูชีพ ให้กับสมาชิกทุกคน เพื่อลงเล่นน้ำ ชมปะการัง หลังจากที่พวกเราได้สัมผัสกับธรรมชาติใต้น้ำอันแสนงดงามประมาณ 30 นาที ก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่เรียกนักท่องเที่ยวให้ขึ้นเรือต่อ เพื่อที่จะเดินทางไปหม่ำอาหารมื้อเที่ยงที่เกาะ 4 (เกาะเมี่ยง) ต่อ



ประมาณ 12.00 น. พวกเราเดินทางมาถึง เกาะ 4 และได้สัมผัสกับธรรมชาติซึ่งยังคงความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ และสัตว์ป่า เช่น นกชาปีไหนที่เดินให้เห็นอยู่บนเกาะ 4 อย่างมากมาย รวมถึงค้างคาวแม่ไก่ที่เกาะอยู่บนต้นไม้และส่งเสียงร้องดังอยู่ตลอดเวลา ส่วนตามชายหาดยังพบเห็นเจ้าปูเสฉวนตัวใหญ่ที่เดินเพ่นพ่านชวนให้นักท่องเที่ยวต้องแอบถ่ายรูปมันไว้เป็นที่ระลึก




จากนั้นพวกเราเข้าไปเยี่ยมชมที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และขอคำแนะนำจากหน้าหน้าที่อุทยานเรื่องสถานที่ต่าง ๆ จากนั้นอีกไม่นานมัคคุเทศก์ของ บ.ทับละมุอันดามันทัวร์ ก็มารับพวกเราเพื่อเข้าที่พักโดยเป็นเต๊นท์ของที่ทำการอุทยาน แต่ถ้าหากอยากนอนบ้านพักอุทยานก็ไม่มีปัญหาครับ แต่ต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนเดินทางมาที่นี่ และต้องเพิ่มเงินอีกส่วนหนึ่ง



พวกเรานำสัมภาระเข้าในเต๊นท์จนเรียบร้อย แล้วก็รับประทานอาหารมื้อกลางวันแล้ว มัคคุกเทศก์ก็บอกกับพวกเราวาให้พักผ่อนได้ตามอัธยาศัย และได้แนะให้พวกเราไปพักผ่อนที่หาดเล็ก เพื่อเล่นน้ำ ชมปลา ดูปะการัง หาดเล็กเป็นหาดที่อยู่ทางด้านหลังของเกาะ 4 (เกาะเมี่ยง) เป็นหาดทรายขาวละเอียด มีคลื่นไม่แรงมากเหมาะแก่การลงเล่นน้ำ ในน้ำยังมีปะการังและปลาหลากหลายชนิดซึ่งไม่ห่างจากฝั่งมากนัก บริเวณชายฝั่งติดกับหาดทรายยังมีต้นไม้ปลกคุมจนทำให้ร่มรื่นมาก และเจ้าหน้าที่อุทยานก็ได้นำเปลไปผูกกับต้นไม้อยู่หลายจุด ทำให้หาดเล็กนี้เป็นชายหาดที่น่าพักผ่อนไม่แพ้ที่ไหน ๆ เช่นกัน

พวกเราอยู่ที่นี่จนถึงประมาณ 5 โมงเย็น จนพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า พวกเรารีบเดินทางไปที่หาดนุ้ย ซึ่งอยู่ในเกาะ 4 เช่นกัน เพราะได้ข่าวมาว่าที่หาดนุ้ยนี้ เป็นหาดที่ชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของหมู่เกาะสิมิลัน

หลังจากเพลิดเพลินกับภาพอันงดงามของพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว พวกเราจึงกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อรับประทานอาหารมื้อเย็น หลังจากเราทานอาหารมื้อเย็นแล้ว พวกเรามาทราบทีหลังว่าบนอุทยานฯ ไม่อนุญาตให้ตั้งร้านขายของได้นอกจากร้านอาหารของอุทยานฯ (เพราะมีร้านเดียวเท่านั้น) ผมคิดว่าดีครับไม่เป็นการทำลายธรรมชาติจนเกินไป แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน อาหารแพงมาก ถ้าแบ่งซื้อ กับข้าวจานละ 100 บาท พวก น้ำอัดลมกระป๋องละ 60 บาท น้ำร้อนแก้วละ 10 บาท เพราะฉะนั้นถ้ามีโอกาสคราวหน้าเตรียมเสบียงมาให้เยอะดีกว่า จากนั้นพวกเราก็เข้านอนเพราะอ่อนล้าจากการเดินทางมาทั้งวัน
รุ่งเช้าประมาณ 07.00 น. พวกเราล้างหน้าแปรงแต่ไม่ได้อาบน้ำหรอกกะว่าเดี๋ยวต้องดำน้ำชมปะการังต่อ เอาไว้ทีเดียวรวบยอดดีกว่า จากนั้นก็รับประทานอาหารเช้าตอน 08.00 น. หลังจากนั้นเรืออุทยานก็ได้มารับพวกเราไปดำน้ำ ประมาณ 09.00 น. ก่อนการเดินทางพวเราเขาแจ้งกับพวกเราว่าการดำน้ำอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศเป็นสำคัญ และพวกเขาจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเสมอ วันนี้พวกเราจึงวนกลับไปดำน้ำที่เกาะ 7 (เกาะ บางู) ใกล้กับวันที่เรามาในวันแรก ประมาณ 45 นาที จากนั้นก็แวะมาดำน้ำบริเวณเกาะ 4 (เกาะเมี่ยง) ทางทิศตะวันตกของเกาะ 4 แต่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 800 เมตร ซึ่งจุดนี้มีปะการังและปาหลากสีเป็นจำนวนมาก มองไปมองมาก็มีแต่ของสวย ๆ งาม ๆ ทั้งนั้นเลย

เจ้าหน้าที่อุทยานบอกกับพวกเราว่าช่วงบ่ายจะสวยกว่านี้อีกเพราะจะเป็นไฮไลท์ของการเดินทางมาดำน้ำที่นี่เลยก็ว่าได้ นั่นคือพวกเราจะได้ไปดำน้ำที่อ่าวไฟแว๊บซึ่งอยู่ทางด้านหลังของเกาะ 8 (เกาะสิมิลัน) จากนั้นพวกเราก็กลับขึ้นฝั่งไปรับประทานอาหารกลางวันที่เกาะ 4 เหมือนเคย หลังจากอิ่มหนำกันแล้ว พวกเราก็นั่งคอยเรืออุทยานมารับปรากฏว่าเป็นเรือหางยาว เนื่องจากช่วงบ่ายนี้มีแค่พวกเรา 8 คน กับเจ้าหน้าที่อุทยาน อีก 2 คน เท่านั้น ผิดกับเมื่อเช้าที่พวกเราได้ขึ้นเรือใหญ่ของอุทยาน แต่ก็ไม่เป็นไร ดีเสียอีกที่พวกเราจะได้ดำน้ำเฉพาะพวกเราแบบเต็มที่ไปเลย อิอิ ก่อนไปถึงอ่าวไฟแว๊บพี่ ๆ จากอุทยานก็จอดกลางทางและพาพวกเราดำน้ำชมปะการังที่สวยงามจุดหนึ่ง แต่เป็นปะการังน้ำลึก พวกเราได้แต่ลอยอยู่เหนือน้ำ แต่พี่เค้าเล่นดำน้ำลงไปเพื่อที่จะชี้ให้พวกเราดูว่ามีกัลปังหาสีเหลือง และปะการังขนนก ฯ ที่สวยงามให้พวกเราได้ทราบว่าอันไหนคือปะการังอะไรบ้าง ประทับใจจริง ๆ จากนั้นอีกไม่นานพวกเราก็ถึงอ่าวไฟแว๊บ พวกพี่ ๆ จากอุทยานเขาจะแนะว่าตรงไหนมีปะการังอะไรบ้าง และมีปลาอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง จากนั้นพวกเราก็ลุยต่อทันที และก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ เมื่อได้ดำน้ำที่อ่าวไฟแว๊บ พวกเราเห็นปลาที่สวยงาม และปะการัง ที่ไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน ก็มีให้พวกเราเห็นอยู่ที่นี่มากมาย โดยเฉพาะเจ้านีโม่ขาวส้ม และนีโม่ดำส้ม ตัวเบ้อเริ่มที่ซ่อนตัวอยู่ในปะการังมีอยู่เพียบ อ่าวไฟแว๊บนี้น้ำไม่ค่อยลึกซักเท่าไรจึงทำให้พวกเราได้สัมผัสกับฝูงปลา และปะการังอย่างใกล้ชิด



พวกเราจนเกือบถึง 15.30 น. ก็ จะต้องเดินทางต่อไปยังเกาะ 5 และ เกาะ 6 ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ใกล้ ๆ กัน และอยู่ไม่ไกลกับเกาะ 4 ซักเท่าไร


เมื่อไปถึงเกาะ 5 และ เกาะ 6 พวกเราก็ดำน้ำตามเดิม ที่นี่ปะการังก็ดูดี แต่ที่สำคัญพวกเราได้เห็นเต่าทะเลด้วย ว่ายอยู่บริเวณเกาะ 5 (พี่ ๆ เจ้าหน้าที่บอกกับพวกเราว่าถ้าได้เห็นเต่าทะเลจะโชคดี) เวลาผ่านไปเกือบ 17.00 น. ฝนทำท่าจะเริ่มตก พี่ ๆ อุทยานบอกให้พวกเรารีบขึ้นเรือ เพราะกลัวว่าลมและคลื่นจะแรงจนทำให้เกิดอันตรายได้ พวกเราจึงรีบขึ้นเรือและกลับขึ้นเกาะ 4 ทันที จากนั้นก็อาบน้ำและทำภารกิจส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็ออกมารับประทานอาหารมื้อเย็นต่อทันที หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารมื้อเย็นแล้วมัคคุเทศก์ก็นัดพวกเราตอนสองทุ่มครึ่งเพื่อไปชมปูไก่ ซึ่งถือว่าเป็น Unseen in Thailand และหาที่มาของคำว่าปูไก่ แต่ตอนนี้ให้พวกเราพักผ่อนตามอัธยาศัยก่อน เมื่อถึงเวลาสองทุ่มครึ่งมัคคุเทศก์ได้ บอกวิธีเข้าชม และให้ความรู้เกี่ยวกับปู่ไก่ โดยลำตัวของปูไก่เป็นสีแดงสด มีก้ามสีดำเหลือบน้ำเงิน เวลาร้องจะมีเสียงคล้ายไก่ จะเห็นได้ในช่วงหัวค่ำที่มันออกหากิน โดยมัคคุเทศก์พาไปที่รูของปูไก่ ซึ่งอยู่ระหว่างทางเดินที่จะไปหาดเล็ก เมื่อได้ชมปูไก่แล้วทุกคนจึงแยกย้ายกันเข้านอน

รุ่งเช้าของนี้พวกเรามีโปรแกรมขึ้นไปชมวิวที่บนลานข้าหลวง ตอนแรกก็คิดว่าคงไม่ไกล แต่กว่าจะขึ้นได้ เหนื่อยเอาการ (เหนื่อยมาก) แต่ก็คุ้มค่าเมื่อได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้ากับวิวสวย ๆ ของเกาะต่าง ๆ

เราลงมาจากลานข้าหลวงก็เดินเล่นรอบเกาะ จากนั้นก็ไปรับประทานอาหารเช้า จนถึงเวลาเที่ยง ก็หม่ำอีกรอบ แล้วพวกก็เก็บข้าวของขึ้นเรือสปีดโบ๊ท เพื่อเตรียมเดินทางต่อไปยังเกาะ 9 (เกาะปาหยู) และเกาะ 8 (เกาะสิมิลัน)


เมื่อถึงเกาะ 9 (เกาะปาหยู) เจ้าหน้าที่ บ.ทับละมุอันดามันทัวร์ ก็แจกสน็อกเกิลให้นักท่องเที่ยวดำน้ำที่ เกาะ 9 นี้ก่อน เพื่อชมปะการัง และฝูงปลาที่แปลก ๆ ที่นี่

จากนั้นเรือสปีดโบ๊ทก็มุ่งหน้าสู่สัญลักษณ์แห่งสิมิลัน นั่นคือ หินเรือใบและรองเท้าบู๊ท ที่อยู่บนยอดเขาที่เกาะ 8 (เกาะสิมิลัน)




จากนั้นเรือก็วิ่งเข้าไปจอดที่เกาะ 8 เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพ และอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นเรือก็พาพวกเรากลับถึง บ.ทับละมุอันดามันทัวร์ อย่างปลอดภัย พวกเราขออาบน้ำที่นี่ และก็ให้ บ.ทับละมุอันดามันทัวร์ พาพวกเราไปขึ้นรถทัวร์ ของบ.ภูเก็ตเซ็นทรัลทัวร์ ในราคาเท่าเดิมครับ แต่รถออกจากท่า เวลา 18.00 น. จากนั้นพวกเราก็มาถึงสายใต้เวลาประมาณ 05.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ทริปนี้จึงเป็นทริปแห่งความทรงจำของพวกเรา ผมคิดถ้ามีโอกาสต้องมาเยือนดินแดนสวรรค์ที่สิมิลันอีกครั้งให้ได้ แล้วไว้พบกันใหม่นะ สิมิลัน สวรรค์บนดิน

เรื่องเล่าการเดินทาง จาก Mr.annaontour